เกมเริ่มต้นล่าช้ากว่าเดิม 10 นาทีเนื่องจากพายุลูกเห็บ ก่อนที่ครึ่งแรกจะเป็นฝั่งอินทรีเหล็กที่ทำเกมได้ดีกว่า โดยดีโอโก้ คอสต้า นายด่านโปรตุเกสต้องออกแรงเซฟหลายครั้ง ขณะที่โรนัลโด้พลาดโอกาสทองในการพังประตูให้ทีมเยือน

ครึ่งหลัง เยอรมนีขึ้นนำก่อนจากลูกโหม่งของฟลอเรียน เวียร์ตซ์ หลังได้บอลเปิดจากโยชัว คิมมิชที่ลงเล่นนัดที่ 100 ให้ทีมชาติ แต่โปรตุเกสไม่ยอมแพ้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซเปลี่ยนเกมด้วยการส่งฟรานซิสโก้ คอนไซเซา ลงสนาม และเขาก็ซัดไกลสุดสวยตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 65

ห้านาทีถัดมา โปรตุเกสได้ประตูชัยจากจังหวะที่บรูโน่ แฟร์นันด์สแทงทะลุให้ นูโน่ เมนเดส หลุดไปเปิดบอลเข้ากลางให้โรนัลโด้ยิงเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูที่ 137 ในทีมชาติของดาวยิงวัย 39 ปี

เยอรมนีพยายามทวงประตูคืน โดยคาริม อเดเยมี่ ยิงชนเสา ขณะที่ช่วงทดเวลา มาร์ก-อังเดร แทร์ สเตเก้น ต้องออกแรงเซฟสองจังหวะติดเพื่อป้องกันประตูจากดิโอโก้ โชต้าและคอนไซเซา

จบเกม โปรตุเกสเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ และจะพบกับผู้ชนะระหว่างฝรั่งเศสหรือสเปน ในคืนวันอาทิตย์ที่สนามเดียวกัน

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กล่าวหลังเกมว่า “นี่คือชัยชนะที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง เราเอาชนะเยอรมนีได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นักเตะเล่นอย่างมีแท็คติกและมุ่งมั่น สมควรแล้วกับผลลัพธ์นี้”

ขณะที่คิมมิช กัปตันทีมเยอรมนียอมรับว่า “ความพ่ายแพ้ครั้งนี้สมควรแล้ว เราเล่นได้แย่มาก โดยเฉพาะหลังจากขึ้นนำ เราต้องเรียนรู้ หากเราไม่ทุ่มเต็มร้อย ก็ไม่มีทางชนะทีมระดับท็อปของยุโรปได้”